วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เงากระบี่ใต้อักษร (บทที่ 3)




: บทที่ 3.

มหานครจุงกิงเมืองท่าค้าขายที่มีผู้คนพลุกพล่านตลอดเวลาจนเป็นเรื่องปกติ

ไม่ว่าดึกดื่นอย่างไรโรงเตี๊ยมเลื่องชื่อของที่นี่ยังมีคนเดินเข้าๆออกๆ ราวกับผู้คนในเมืองนี้ไม่ต้องการนอนหลับพักผ่อน

ชิกแชฮั้วฮึงเป็นโรงเตี๊ยมเลื่องชื่อที่สุดในมหานครแห่งนี้ ห้องพักชั้นบนทั้งหมดของตึกคะนึงหาถูกจองล่วงหน้าไว้หลายวันแล้ว แต่แขกเจ้าของห้องพิเศษสองห้องที่อยู่ด้านในสุดเพิ่งมาถึงหลังจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าราวครึ่งชั่วยาม

จนขณะนี้เวลาล่วงเลยมาจนอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วยามจะรุ่งสางแล้ว

ภายในห้องหนึ่งดั่งจัดงานเลี้ยงที่ไม่มีวันเลิกลา ตั้งแต่เจ้าของห้องมาถึงจนล่วงมาจนยามนี้ภายในบังเกิดสารพัดสรรพเสียงประหนึ่งกำลังมีงานพิธีใหญ่โต

เสียงดนตรีกระจับปี่ ดีดพิณบรรเลงประสานสอดคล้องสร้างความครึกครื้นอย่างยิ่ง

เสียงนักร้องขับกล่อมสดใสกังวานยิ่งกว่าเสียงของสกุณาใดๆจะเทียบเทียม

เสียงดรุณีน้อยหัวเราะคิกคักๆตลอดเวลา

เสียงเล่นทายนิ้วมือ

“ท่านแพ้ต้องดื่มอีกแล้ว”

“ท่านมักเอาเปรียบผู้อื่นต้องถูกปรับอีก”

“คุณชายท่านเมาแล้ว”

นั่นล้วนเป็นเสียงของเสี่ยวชุ่ยและชุนฮัว เสียงที่สามารถหลอมละลายบุรุษเพศได้แทบทุกผู้คน

บุรุษที่อยู่ในห้องเป็นบุรุษผู้สวมอาภรณ์ราคาแพง เป็นโยชิโอกะ ริวจิ

แม้ถูกกรอกด้วยสุราชั้นดีมาครึ่งค่อนคืนแต่ริวจิกลับยังไม่เมา ดวงตายังแจ่มใส มือไม้ยังว่องไว สติยังสมบูรณ์ยิ่ง ท่ามกลางเสียงออดอ้อนของสาวงามทั้งสอง ดาบยาวด้ามเก่าคร่ำคร่าฝักสีดำสนิทไม่มีลวดลายใดๆเล่มนั้นยังแขวนอยู่ข้างเอวตลอดเวลา

ริวจิหัวเราะอย่างมีความสุขยิ่ง ไม่ว่าช่วงเวลาเช่นใดริวจิล้วนไม่นำพา ตนเองยังคงต้องมีความสุขแทบตายอยู่เสมอ

ท่ามกลางเสียงหัวเราะสนุกสนานของผู้คนในห้องนี้ ภายในห้องพิเศษอีกห้องที่อยู่ถัดไปกลับปราศจากสุ่มเสียงใดๆตลอดราตรี

สำหรับที่นี่เรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นเนื่องเพราะเหตุผลเพียงสองประการ

ประการแรกในห้องไม่มีผู้คนอยู่อาศัย

ประการที่สองผู้อยู่ในห้องต่างหลับไหลแล้ว

แต่ตอนนี้ในห้องพักยังมีผู้คนทั้งผู้อยู่ในห้องไม่ได้หลับไหลอีกด้วย

ผู้อยู่ภายในย่อมเป็นชายชุดเขียวผู้สวมชุดราบเรียบ

ดาบยาววางไว้ข้างลำตัวแต่กลับดูเหมือนมันยังคงอยู่ในมือชายผู้นั้นตลอดเวลา!

โยชิโอกะ ริวจิและนาคามูระ โยชิเดินทางมาถึงที่นี่หลังพลบค่ำ เมื่อมีเงินขาวๆก้อนโตๆจำนวนไม่อั้นท่านสามารถจ้างวานบุรุษกำยำหลายคนให้ขุดหิมะที่ขวางถนนออกพอเพียงที่รถม้าขนาดย่อมจะวิ่งผ่านได้

รถม้าสองคันสารถีต่างขับอย่างรวดเร็วเพียงไม่นานก็มาถึงเมืองท่าของแม่น้ำแยงซีเกียง

หลังการประลองนาคามูระ โยชิ จะนอนหลับสนิทเสมอ คืนที่ผ่านมามันนอนหลับสนิทอย่างยิ่ง

ไม่ใช่เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการประลอง หลังจากฆ่าคน มันไม่ต้องการกระทำสิ่งใด นาคามูระ โยชิ จะนอนหลับเสมอ...

สิบปีที่ผ่านมาชีวิตของมันเป็นเช่นนี้...

นี่คือชีวิตของมือสังหารไร้รัก!

ภายในห้องพักที่ดีที่สุดหรูหราที่สุดของโรงเตี๊ยมมีชื่อที่สุดกลับมีเพียงเตียงและโต๊ะเตี้ยๆหนึ่งตัวกับเบาะรองนั่งอีกสองอันเท่านั้น

เมื่อมีเงินก้อนโตๆท่านสามารถบันดาลให้กระท่อมซอมซ่อกลายเป็นงดงามดั่งบ้านคหบดีที่ร่ำรวยได้ และสามารถแปลงห้องที่หรูหราอย่างยิ่งให้เรียบง่ายได้ดุจเดียวกัน

นาคามูระ โยชิตื่นราวครึ่งชั่วยามแล้ว ย่อมไม่ใช่เพราะเสียงดังอันเกิดจากห้องข้างเคียง แต่นี่เป็นเวลาที่ต้องตื่นแล้ว คนผู้นี้ไม่เคยตื่นหลังช่วงเวลานี้มาก่อน

น้ำร้อนหนึ่งกาถูกเด็กรับใช้ยกเข้ามาแล้ว ชาเขียวก็ต้มเสร็จแล้ว

ครู่หนึ่งประตูห้องเปิดออกบุรุษหน้าขาวปราศจากริ้วรอยคิ้วเรียวยาวเดินเข้ามา แม้ไม่ได้หลับนอนตลอดคืน แต่มันยังมีรอยยิ้มแจ่มใสเกลื่อนใบหน้า

โยชิโอกะ ริวจินั่งลงเบื้องหน้านาคามูระ โยชิ อย่างสำรวม หลังจากรับถ้วยน้ำชามาดื่มจนหมดจึงเริ่มกล่าวขึ้น

“หากเราเร่งเดินทางอีกสองสามวันคงไปถึงหมู่ตึกพันอักษร” ตั้งแต่การประลองเมื่อก่อนพลบค่ำจนถึงเวลานี้ทั้งสองเพิ่งจะเริ่มพูดจากัน

“ในละแวกนี้ยังมีคนอีกผู้หนึ่งที่ข้าพเจ้าต้องการพบ” นี่นับเป็นคำแรกที่มันกล่าวกับบุรุษหน้าขาวตั้งแต่หลังจากการประลอง

คิ้วเรียวของริวจิขมวดเข้าหากันความไม่พอใจบังเกิดขึ้นบนสีหน้า “อีกเพียงสิบวันก็ถึงวันประลองที่ท่านผู้เฒ่านัดหมายแล้ว ท่านควรออมกำลังไว้บ้าง...เมื่อถึงหมู่ตึกพันอักษรต้องมีผู้ที่คู่ควรกับท่านอีกหลายคน...ตระกูลใหญ่ทั้งห้าคงส่งคนเข้าร่วมงานประลองครั้งนี้กันครบ”

“เป็น ลิ้มปวยฮวย เต็งพู้ย้ง เซี่ยงกัวเม้งจู ตระกูลกงซุนไม่ทราบท่านผู้เฒ่าจะให้ใครเข้าร่วมประลองหรือไม่ ส่วนตระกูลปึงคิดว่าไม่ส่งผู้ใด นอกจากคนของตระกูลทั้งห้าคงมีผู้พอจะประลองกับข้าพเจ้าอีกหนึ่งหรือสองคน ผู้ที่ข้าพเจ้าต้องการไปพบวันนี้นับเป็นหนึ่งในสองนั้น” คำพูดของมันรวบรัดชัดเจนเสมอมา

หน้าขาวเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันทีคิ้วเรียวยิ่งขมวดเข้าหากัน “ถ้างั้นคนผู้นั้นย่อมต้องไปงานชุมนุมที่หมู่ตึกพันอักษรแน่ ท่านยังจะเสียแรงไปเสาะหาทำไม”

“ลดไปหนึ่งคนย่อมดีกว่า”

เมื่อมันเริ่มหงุดหงิดเสียงยิ่งกล่าวยิ่งดังขึ้นโดยไม่รู้ตัว “ท่านทำแบบนี้ผู้อื่นก็ได้เปรียบน่ะสิ ผู้อื่นต่างเดินทางอย่างสะดวกสบาย เมื่อไปถึงยังพบว่าผู้เข้าร่วมชิงคัมภีร์ถูกท่านกำจัดไประหว่างทางเสียมากมายแล้ว ถึงเวลานั้นที่เหลืออยู่ล้วนเป็นยอดฝีมือและยังสดชื่นอย่างยิ่ง ส่วนท่านกลับต้องตรากตรำตลอดการเดินทางย่อมต้องเสียเปรียบแน่นอน...ข้าไม่เข้าใจจริงๆ...ท่านกับท่านพ่อคิดยังไง ทำไมถึงรีบร้อนให้ท่านท้าประลองกับเหล่ายอดฝีมือตั้งแต่ได้รับเทียบเชิญของท่านผู้เฒ่า หากคิดจัดการกับคนเหล่านั้นความจริงรอให้ถึงเวลาประลองที่หมู่ตึกพันอักษรก่อนก็ได้”

นาคามูระ โยชินิ่งเงียบ เหตุผลของเรื่องนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ตนทราบดี การกระทำของมันล้วนต้องมีเหตุผลที่ดียิ่ง มันจนใจที่เวลานี้ยังไม่สามารถบอกริวจิได้ว่าเหตุใดจึงต้องกระทำเรื่องที่เสียเปรียบผู้อื่นเช่นนี้ ดังนั้นมันจึงได้แต่นิ่งเงียบ

ครั้นโยชินิ่งเงียบ ริวจิจึงเข้าใจไปว่ามันคล้อยตามความคิดของตน รอยยิ้มอย่างยินดีจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้า น้ำเสียงก็เริ่มอ่อนลง

“ท่านควรหาเวลาผ่อนคลายบ้าง เมื่อถึงหมู่ตึกพันอักษรย่อมต้องเคร่งเครียดอีกมากแต่ยามนี้ยังมิใช่...”

ริวจิปรบมือสองครั้งประตูห้องเปิดออก เด็กรับใช้ทยอยยกอาหารหลากชนิดเข้ามาตั้งบนโต๊ะเตี๊ยๆตัวเดียวที่อยู่กลางห้อง

“นางปีศาจน้อยพวกนั้นชมชอบทำลายสมาธิผู้อื่น...ข้าพเจ้าทราบท่านไม่เคยชมชอบพวกนาง”

โยชิไม่สนใจคำพูดนั้นก้มหน้าลงคีบเนื้อชิ้นหนึ่ง นี่เป็นอาหารมื้อแรกภายหลังจากการประลอง...

ริวจิมองโยชิด้วยสายตาแสดงถึงความเคารพนับถืออย่างยิ่ง เป็นครั้งที่สองในเวลาหนึ่งวันที่มันมองผู้อื่นด้วยสายตาเช่นนี้ ผู้ที่ไม่เคยเห็นแววตาเช่นนี้มักคิดว่าริวจิถือโยชิเป็นเพียงบ่าวไพร่ ไม่ว่าอย่างไรไม่ยอมนับถือเป็นสหาย

ซึ่งความจริงโยชิโอกะ ริวจิไม่นับนาคามูระ โยชิเป็นสหายอย่างแน่นอน เพราะสำหรับมันแล้วผู้มีบุญคุณใหญ่หลวงต่อมันในขณะนี้นอกจากบิดาก็มีเพียง นาคามูระ โยชิ อีกคนเดียวเท่านั้น!


: มันมักไม่ทราบควรทำอย่างไรโยชิจึงยินดี เพราะคนผู้นี้ดูเหมือนไม่มีความสนใจในเรื่องใดเลยจริงๆ มันเองความจริงเป็นกงจื้อเจ้าสำอางไม่เคยต้องเอาใจใส่ผู้ใด แต่เวลานี้เมื่อเห็นโยชิทานข้าวได้มากอย่างยิ่ง มันถึงกับรู้สึกยินดีนัก สายตาจดจำอาหารเหล่านั้นไว้วันหลังหวังจะสั่งมาอีก แต่แล้วสายตาที่มีอนุภาพสยบดรุณีมาแล้วมากมายกลับหนักอึ้งอย่างยิ่ง ไม่ทราบเพราะเหตุใดตอนนี้ดวงตาของมันถึงกับปิดลงแล้ว!

ร่างของมันล้มฟุบลงบนโต๊ะนั่นเอง!

นาคามูระ โยชิมิได้ตื่นตระหนกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย สีหน้าเคร่งขรึมยังสงบนิ่งดุจเดิม วางตะเกียบในมือลงอย่างแช่มช้าไม่ทราบดาบยาวมาอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ พลางหยิบขวดเล็กๆใบหนึ่งออกมาจากชายเสื้อ ในขวดนั้นบรรจุยาสีดำเม็ดเล็กๆอยู่เต็ม มันหยิบใส่ปากริวจิเม็ดหนึ่งแล้วจึงหยิบอีกเม็ดหนึ่งกลืนลงไป

จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินอย่างไม่รีบร้อนไปเปิดประตูห้องออก นาคามูระ โยชิเดินเชื่องช้าออกมายืนเพ่งมองไปยังด้านนอก ท้องฟ้ายังมืดสนิท แม้ยังมิแลเห็นผู้ใด แต่โยชิทราบผู้วางยาต้องยังอยู่บริเวณนี้ เนื่องเพราะที่มันใช้ไม่ใช่ยาพิษหากแต่เป็นยาสลบ ผู้ที่คิดวางยาสลบผู้คนย่อมต้องมีจุดประสงค์อื่นที่มิใช่ต้องการสังหารชีวิต หากต้องการชีวิตผู้อื่นใช้ยาพิษย่อมง่ายดายกว่า ดังนั้นเมื่อวางยาแล้วคนผู้นั้นต้องรอคอยอยู่ รอคอยให้ทั้งสองสิ้นสติมันจึงจะลงมือขั้นต่อไป

โยชิหันไปมองสำรวจทั่วบริเวณครู่หนึ่งก็เคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็ว พุ่งร่างตรงไปยังประตูทางออกด้านหลัง วิ่งไปตามตรอกเล็กหลังโรงเตี๊ยมจนออกสู่ทางใหญ่ที่จะมุ่งออกนอกเมือง นี่เป็นความเร็วที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด ใครจะคาดคิดว่าผู้ที่มิได้ฝึกวิชาตัวเบากลับเคลื่อนไหวร่างกายได้รวดเร็วถึงเพียงนี้!

หลักวิทยายุทธของเกาะพู้ซึ้งแตกต่างกับชาวตงง้วนอย่างสิ้นเชิง มันทั้งไม่รู้จักวิชาสกัดจุดและวิชาตัวเบา แต่ในหมู่เกาะพู้ซึ้งยังมีสำนักที่มีวิชาคล้ายการสกัดจุดและวิชาตัวเบาอยู่ คนของสำนักนี้ล้วนแต่งกายรัดกุมด้วยชุดสีดำปิดหน้าตา หน้าที่ของพวกมันคือการสืบข่าวและลอบสังหารผู้อื่น โยชิยังเคยประมือกับพวกนี้บ่อยครั้ง แต่สำหรับมันวิชาเหล่านั้นเป็นเพียงการละเล่นของเด็กๆเท่านั้น

ทางออกนอกเมืองยังถูกปกคลุมด้วยหิมะหนา เกือบสามลี้แล้วแต่มันยังวิ่งอย่างรวดเร็วแม้ไม่ถึงขนาดเหยียบหิมะไร้รอยแต่ด้วยความเร็วนี้ในยุทธภพผู้ที่มีความสามารถเช่นนี้ต้องมีไม่เกินสิบคนอย่างแน่นอน มันจึงมีความมั่นใจต้องตามผู้ที่อยู่เบื้องหน้าทันแน่

แต่ทันใดนั้นเท้าของมันกลับเหยียบลงบนของสิ่งหนึ่งที่ฝังอยู่โดยปราศจากร่องรอยบนพื้นหิมะหนา!

ชั่วพริบตาทั่วร่างล้วนถูกคลุมด้วยตาข่ายเหนียวแกร่ง เชือกเส้นใหญ่ซึ่งคล้องปลายด้านหนึ่งของร่างแหกับต้นไม้ใหญ่ส่งแรงเหวี่ยงทั้งคนทั้งตาข่ายขึ้นสู่ด้านบนของต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็วจนโยชิไม่สามารถทรงตัวได้ แต่ชั่วพริบตานั้นดาบยาวในมือก็วาดออกอย่างรวดเร็ว ร่างแหที่คลุมกายพลันขาดสะบั้นร่างลอยละลิ่วพลิกกายตามแรงส่ง ปลายเท้าเมื่อแตะถูกยอดไม้รีบหยิบยืมสภาวะแรง หมุนร่างยืนทรงตัวอย่างมั่นคงในทันที สายตาเย็นชาจ้องมองไปยังพุ่มไม้เบื้องล่าง

คนผู้หนึ่งเดินออกจากพุ่มไม้ข้างทางใบหน้ามีผ้าคลุมสีดำไว้จนมิดชิด

“คิดจะจับเหยื่อตัวโตเช่นนี้กลับไม่ง่ายดายนัก” สุ่มเสียงนี้กลับเป็นของดรุณีน้อยผู้หนึ่ง

โยชิเพ่งมองนางแน่วนิ่งโผร่างลงมาเบื้องล่างดวงตาเป็นประกายจับจ้องอยู่ที่ร่างของดรุณีนางนั้น

“เจ้ามองข้าทำไม” นับเป็นน้ำเสียงที่ยียวนก่อกวนผู้ได้ยินอย่างยิ่งจริงๆ

“ต้องมิใช่เจ้าอย่างแน่นอน” เมื่อกล่าวจบดาบยาวพลันออกจากฝักอีกครั้ง

“มิใช่ข้าอะไร เจ้าทำกับดักข้าเสียหายแล้วยังคิดฆ่าคนปิดปากอีกหรือ” คำกล่าวที่ดูเหมือนไร้เดียงสาไม่รู้ถึงความหน้ากลัวของสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่เป็นเช่นนั้นหรือ?

รังสีการฆ่าฟันของนาคามูระ โยชิที่แม้แต่เทพพู่กันคู่ยะเยือกซึ่งถ้าวัดที่ความหนักหน่วงรุนแรงอำมหิตของพลังฝีมือต้องถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือหนึ่งในสิบอันดับต้นยังถูกมันคุกคามจนไม่อาจเคลื่อนไหว แต่รังสีชนิดนี้กลับไม่มีผลต่อนางแม้แต่น้อย

สิ่งเหล่านี้ผู้อื่นอาจดูไม่ออก แต่นาคามูระ โยชิดูออก นางไม่ใช่ดรุณีน้อยธรรมดาอย่างแน่นอน แม้ผู้ที่แพร่ยาสลบจะใช่นางหรือไม่ต่างไม่สำคัญ เนื่องเพราะบุคคลเช่นนี้ลดลงไปอีกคนหนึ่งย่อมต้องดีกว่า!

ดาบแรกฟันเฉียงๆขึ้นด้านบนอย่างรวดเร็ว ดาบยาวพลิกวูบลงล่างติดตามต่อเนื่องในทันทีนี่นับเป็นดาบที่สองซึ่งกระจายรัศมีเป็นวงกว้างคุกคามจนดรุณีผู้นั้นต้องกระโดดถอยห่างออกมาหลายช่วงตัว กระบวนท่ายังไม่สิ้นสุดดาบที่สามกลับพุ่งตรงเข้าทรวงอกนางอย่างดื้อๆไร้ซึ่งการพลิกแพลงใดๆทั้งสิ้น! ด้วยความเร็วระดับนี้แม้ ยอดฝีมือธรรมดายังยากยิ่งที่หลบได้ ด้วยความเชื่อมั่นอย่างยิ่งนางต้องรับมือได้ไม่เกินสิบกระทวนท่า มันมั่นใจในยุทธภพนี้ผู้ที่สามารถรอดจากคมดาบของมันได้เกินกว่านั้นต้องมีไม่เกินห้าหรือหกคน

ผู้ที่พอจะเป็นคู่มือได้อาจมีอยู่เพียงห้าหรือหกคน แต่ผู้ที่หลบทั้งสามดาบพิฆาตนี้ได้ในตอนนี้ก็ต้องมีไม่เกินสิบคนอย่างแน่นอน...เพราะแม้แต่เมื่อเย็นวานเทพพู่กันคู่ยะเยือกยังต้องฝังร่างของตนไว้ใต้หิมะหนาในดาบที่สี่เท่านั้น! แต่ดรุณีผู้นี้กลับหลบได้ นางกลับเป็นหนึ่งในสิบคนนั้น!

คมดาบยังไม่ทันที่จะถึงร่างของนาง ผ้าคลุมหน้าสีดำก็กลับฉีกขาดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเนื่องเพราะโดนรังสีคมกริบจู่โจมคุกคามทำลาย ในทันทีที่สายตากล้าแข็งเย็นชาเหลือบไปเห็นหน้าดรุณีน้อยผู้นั้น ดาบที่ว่องไวเป็นเอกในแผ่นดินกลับต้องหยุดชะงักลงในทันที!

ดาบที่สี่ของมันถึงกับไม่สามารถใช้ออกมาได้!

ใบหน้าเช่นนี้มันไม่มีวันลืมเลือนเป็นอันขาด!

ในเวลานี้ยังไม่รุ่งสางนี่นับว่ามันต้องเจอะเจอภูตผีอย่างแน่นอน!

ท่าร่างชะงักหยุดลงเพราะมันไม่มีปัญญาจะกระทำสิ่งใดต่อไปได้

ในขณะที่มันกำลังตะลึงงันร่างนั้นก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วหายไปท่ามกลางความมืดของรัตติกาล

มันไม่ได้ไล่ตาม เพราะตอนนี้ทั่วร่างกลับปราศจากเรี่ยวแรงดั่งโดนดาบหนึ่งฟันใส่ร่าง

สิบปีแล้ว...จนวันนี้สิ่งที่สามารถสั่นคลอนจิตใจของมันได้บัดนี้บังเกิดขึ้นแล้ว!

//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

ไม่มีความคิดเห็น: