วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

วัดช้างให้

 
Posted by Picasa

ข้างหลังภาพ


.. ฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็อิ่มใจว่า ฉันมีคนที่ฉันรัก .... ความรักของเธอเกิดขึ้นที่นั่นและตายที่นั่น ส่วนความรักของอีกคนหนึ่ง กำลังรุ่งโรจน์อยู่ในร่างที่กำลังจะแตกดับ ..
นพพร และ หม่อมราชวงศ์กีรติ พบกันครั้งแรก ที่สถานีรถไฟโตเกียว นพพรอายุ 22 ปี เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ริคเคียว ส่วนหม่อมราชวงศ์กีรติ หญิงวัย 35 มาฮันนีมูน กับ พระยาอธิการบดี สามีที่ อายุคราวพ่อ ท่านเจ้าคุณเป็น เพื่อนสนิทกับ พ่อของนพพร จึงขอร้องให้นพพร พาหม่อมราชวงศ์กีรติ เที่ยวญี่ปุ่นเพราะตัวท่าน เองแก่เกินกว่า จะไปไหนต่อไหนได้ หลายแห่ง แต่ก็ยังอยากให้หม่อมราชวงศ์กีรติสนุกกับการอยู่ญี่ปุ่น และนั่นเป็นโอกาสให้นพพร เด็กหนุ่มที่ไม่เคย รู้จักความรักมาก่อน ได้อยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงที่สวย สง่า กิริยาวาจาแช่มช้อยเป็นผู้ดี แม้เธอจะสูงวัยกว่า แต่ยิ่งใกล้ชิด นพพรก็ยิ่งหลงรักเทอดทูน หม่อมราชวงศ์กีรติ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเธอ แต่งงานแล้ว นพพรเฝ้าถามหม่อมราชวงศ์กีรติว่าทำไมเธอจึงแต่งงานกับ ชายวัยพ่อ ทั้ง ๆ ที่เธอทั้งสวย สง่างามมาก ฉลาด และฐานะเดิมก็ดีอยู่ก่อนแล้ว ทั้งไม่ได้ถูกใครบังคับและไม่ได้รักเจ้าคุณด้วย ทุกครั้งที่นพพรถาม หม่อมราชวงศ์กีรติเลี่ยงที่จะตอบ จนวันหนึ่ง เขาพาเธอไปเที่ยว มิตาเกะ หม่อมราชวงศ์กีรติที่ตามปกติจะวางตัวสง่างาม กลับกลายเป็นสาวน้อย ผู้ร่าเริงท่ามกลาง แมกไม้ และสาย และความหลัง ที่เป็นความลับ ของหม่อมราชวงศ์กีรติจึงถูกเปิดเผย และทุกครั้งที่นพพร ถามว่าหม่อมราชวงศ์กีรติรักเขาไหม คุณหญิงกีรติไม่เคยตอบตรงคำถามเลย ส่วนนพพรยืนยันว่า “ผมจะรักคุณหญิง ตราบชั่วฟ้าดินสลาย” 6 ปีล่วงไป นพพรสำเร็จการศึกษาและฝึกหัดงานที่ญี่ปุ่นพอสมควรแก่การแล้วก็กลับสยาม ในขณะนี้หม่อมราชวงศ์กีรติเป็นหม้ายแล้ว และบำเพ็ญชีวิตอยู่อย่างสงบเสงี่ยม เขาทั้งสองคนได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นการพบที่นพพรรู้สึกเหมือนพบพี่สาวที่ดีคนหนึ่งเท่านั้น เวลา 6 ปีในญี่ปุ่นได้เปลี่ยนจิตใจของนพพรเด็กหนุ่มผู้อ่อนแก่ความรักให้เป็นชายหนุ่มญี่ปุ่นที่ไม่ใคร่จะคิดถึงใครจะคิดถึงอะไรนอกจากงานและการตั้งตัวเท่านั้น ครั้นแล้วนพพรก็แต่งงานกับคู่หมั้นที่บิดาหาไว้ไห้เมื่อครั้งยังศึกษาอยู่ในญี่ปุ่น เมื่อแต่งงานแล้วได้สองเดือน นพพรได้ทราบว่าหม่อมราชวงศ์กีรติได้เจ็บหนักด้วยโรควัณโรค และอยากพบเขา จนแพทย์และพยาบาลรู้สึกว่าควรจะมาตามเขาให้ไปพบ เพื่อให้คนไข้ได้สงบจิตใจในวาระสุดท้าย นพพรก็ไปเยี่ยมและหม่อมราชวงศ์กีรติก็ให้ภาพเขียนที่ระลึกถึงสถานที่ให้กำเนิดความรักแก่เขาทั้งสอง ซึ่งเป็นภาพวาดโดยฝีมือของเธอเอง พร้อมด้วยคำตัดพ้อบางประโยคเป็นที่สะกิดใจนพพรให้ระลึกถึงความหลังและหวนคิดเสียดายอาลัยคนรักคนแรกของตน ครั้นแล้วหม่อมราชวงศ์กีรติสตรีผู้อาภัพในเรื่องรักก็ถึงแก่กรรมใน 7 วันต่อมา

หลักการสงคราม 10 ประการ (PRINCIPLES OF WAR)


1.หลักความมุ่งหมาย (OBJECTIVE) ต้องมุ่งไปสู่ที่หมายที่ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจน
2.หลักการรวมกำลัง (MASS) รวมอำนาจกำลังรบ ณ ตำบลและเวลาที่แตกหัก
3.หลักการดำเนินกลยุทธ (MANEUVER) ใช้อำนาจกำลังรบอย่างอ่อนตัวเพื่อให้ได้มาและดำรงไว้ซึ่งความได้เปรียบ
4.หลักการระวังป้องกัน และรปภ. (SECURITY) ไม่ยอมให้ข้าศึกได้เปรียบโดยที่เราไม่ได้คาดคิด
5.หลักความง่าย (SIMPLICITY) แผน/คำสั่ง ที่ชัดเจนไม่ยุงยากง่ายต่อการเข้าใจ
6.หลักการรุก (OFFFENSIVE) ชิงความริเริ่ม ,ครองความริเริ่ม ,ขยายผลความริเริ่ม
7.หลักการออมกำลัง (EXCONOMY OF FORCE) ใช้กำลังแต่เพียงน้อยในด้านการปฏิบัติรอง
8.หลักเอกภาพในการบังคับบัญชา (UNITY OF COMMAND) มีเอกภาพในการปฏิบัติภายใต้ผู้บังคับบัญชาที่รับผิดชอบเพียงผู้เดียว
9.หลักการจู่โจม (SURPRISE) โจมตี ณ เวลาและตำบลที่ ในรูปแบบที่ข้าศึกมีการเตรียมการน้อยที่สุด
10.หลักการต่อสู้เบ็ดเสร็จ (TOTAL DEFENSE) ผนึกกำลังรบทังสิ้น เพื่อชดเชยความเสียเปรียบในด้านอำนาจกำลังรบ

ชื่อเสียงเกียรติยศ

การได้มาซึ่งชื่อเสียงเกียรติยศอาจมีได้หลายสาเหตุ บางครั้งมีพื้นฐานมาจากการเสียสละ เมตตาปรานี ซึ่งเมื่อได้รับการเปิดเผยออกไปย่อมได้รับการยอมรับนับถือจากผู้คน แต่หากเป็นการได้มาด้วยการแก่งแย่งที่ผิดมโนธรรม จอมปลอม ซับซ้อนพิสดาร เมื่อได้รับการเปิดเผยออกไปย่อมนำมาซึ่งความเสื่อมเสีย

ความขัดแย้ง

มนุษย์โลกย่อมไม่สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องราวนี้ได้ ทุกซอกทุกมุมของโลกอาจเกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นได้ทุกเมื่อ จะอย่างไรเรื่องราวเช่นนี้ความจริงสามารถหยุดยั้งได้ เพียงแต่ว่ามนุษย์ต้องรู้จักการเสียสละ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถกระทำได้แต่น้อยคนจะยินยอม ยินยอมหักห้ามความโกรธของตนเอง อดทนต่อความผิดพลาดของผู้อื่น ลืมเลือนสิ่งที่ผู้อื่นทำร้ายตน หันมาปลูกฝังดวงใจแห่งความรักความเมตตาต่อผู้อื่น

กระบี่อยู่ที่ใจ

กระบี่ยามสงบคล้ายดั่งขุนเขาบรรพต ยามเคลื่อนไหวพอลงมือก็จู่โจม ถูกเป้าหมาย มีเจตนาที่จุดชีวิตของฝ่ายตรงข้ามอย่างเด็ดขาดทันที แฝงไปด้วยรังสีการฆ่าฟันอันเกลี่ยวกราด ดุร้าย
ในใจมีกระบี่คือสุดยอดของหลักวิชาการต่อสู้ ในมือแม้กุมอาวุธคมกล้าที่สามารถฟันเหล็กดุจฟันหยวก แต่ในใจหากปราศจากกระบี่อาวุธคมกล้านั้นก็เป็นเพียงเศษเหล็กท่อนหนึ่ง




กิตติพันธ์ กุลศิริปัญโญ

ความเชื่อมั่น

ชัยชนะที่แท้จริงมิได้ใช้อาวุธไปช่วงชิงมานั่นต้องใช้ความเชื่อมั่นของท่าน ไม่ว่าเป็นอาวุธน่ากลัวปานใด ยังไม่อาจทัดเทียมความเชื่อมั่นของมนุษย์ชาติได้ ความเชื่อมั่นสามารถแสดงออกโดยรอยยิ้ม มีแต่รอยยิ้มจึงสามารถพิชิตจิตใจผู้คนได้อย่างแท้จริง
ความเชื่อมั่นแม้เป็นสิ่งที่มองไม่เห็นแต่ก็เป็นเคล็ดลับสำคัญประการหนึ่งที่พิสูจน์ผลแพ้ชนะ ตัดสินความเป็นความตาย บางครั้งยังล้ำค่ากว่ากระบวนท่าวิชาฝีมือ เนื่องเพราะกระบวนท่าวิชาฝีมือแม้พอพบอาจารย์ยังสามารถถ่ายทอดสั่งสอน แต่ปฏิกิริยาความเชื่อมั่น และการตัดสินใจในยามต่อสู้ย่อมไม่มีผู้ใดถ่ายทอดให้ได้